หน้าแรก      |      ประวัติ      |       อัลบั้มรูป      |      ที่ตั้งชุมชน      |       ติดต่อ      |      ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง      

สำเพ็ง

        คำว่า “สำเพ็ง”กาญจนาคพันธุ์ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจมาจากมีคนชื่อ “เพ็ง” 3คนบริเวณนี้ จึงเรียกว่า “สามเพ็ง”หรือ“สำเพ็ง”หนังสือเล่าเรื่องเก่าของไทย ของ สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร์ สันนิษฐานไว้ว่า เป็นเพราะบริเวณสามเพ็งเป็นสวน มีคลองขวางสองคลองคือ คลองเหนือวัดสามเพ็ง กับคลองวัดสามปลื้ม ทำให้พื้นที่แบ่งออกเป็นสามตอน หรือสามแผ่นซึ่งคนจีนเรียกเพี้ยนมาเป็น สามเพ็ง ส. พลายน้อย สันนิษฐานไว้ในหนังสือ บางกอก ว่าแต่ก่อนบริเวณนั้นคงเป็นที่น้ำลึก หรือเป็นทางสามแพ่ง ซึ่งชาวจีนเรียกเพี้ยนเป็นสามแพ่ง และสำเพ็งในที่สุด “บุปผา คุมมานนท์” กล่าวไว้ใน “สำเพ็งศูนย์การค้าแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์” ในหนังสือศิลปวัฒนธรรมว่าสำเพ็งเป็นชื่อที่เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า “สามเพ็ง” ซึ่งเป็นชื่อวัดและชื่อคลอง ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน อาจเป็นเพราะคนจีนในบริเวณนั้นเคยชินกับการออกเสียงสั้นๆจึงทำให้ “สามเพ็ง”กลายเป็น “สำเพ็ง”ในที่สุด

        ความจริงชาวจีนอพยพเข้ามาในเมืองไทยเป็นจำนวนมากตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2025-2329) เพราะปัญหาทางด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจ และความอดอยากยากแค้นในประเทศจีน ขณะที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ มีความปลอดภัยทางการเมือง กอปรกับรัฐต้องการให้ชาวจีนมาช่วยสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจเพราะชาวจีนมีความรู้และประสบการณ์ด้านการค้าขาย การต่อเรือ และการเดินเรือ การที่ชาวจีนส่วนใหญ่เข้ามาตั้งหลักแหล่งทำมาหากินในสำเพ็ง เป็นผลทำให้สำเพ็งเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญแห่งแรกของกรุงเทพฯ ในช่วงสมัยนั้น


        สำเพ็งเป็นแหล่งขายสินค้าทั้งปลีกและส่ง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่มาของธุรกิจหลายประเภทเช่นการรับจ้างปะชุนผ้า การตัดเย็บเสื้อผ้า การย้อมสีผ้า การรับจ้างขัดรองเท้า การให้กู้ยืมเงินหรือการจ่ายเงินให้ล่วงหน้าแล้วใช้คืนภายหลัง ดังกรณีชาวจีนที่อพยพเข้ามา ตลอดจนการรับจ้างเขียนหนังสือจีน เพื่อส่งไปถึงญาติพี่น้องที่อยู่เมืองจีน การรับจ้างส่งเงินไปให้ครอบครัวที่เมืองจีน นอกจากธุรกิจประเภทดังกล่าว สำเพ็งยังมีธุรกิจให้บริการทางเพศเป็นที่ขึ้นชื่ออีกด้วย โดยมีโคมเขียวเป็นสัญลักษณ์ นอกจานี้สำเพ็งยังมีธุรกิจที่สำคัญอีกประเภทหนึ่งคือ บ่อนการพนัน ซึ่งมีอยู่มากมายหลายอย่างเช่น ไฮโล ถั่ว น้ำเต้า ลูกเต๋า โปสา เป็นต้น ดังนั้นนอกจากจะเป็นย่านที่มีคนทุกเพศทุกวัยมาจับจ่ายซื้อสินค้าแล้ว บางส่วนโดยเฉพาะผู้ชายมักมาเที่ยวย่านแหล่งสำราญทั้งด้านโลกีย์และการพนัน จึงมีบางคนตั้งตนเป็นนักเลง และเซียนการพนัน บางครั้งก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ระหว่างผู้เข้าไปเที่ยวกับเจ้าถิ่น หรือระหว่างผู้เข้าไปเที่ยวด้วยกันเอง หรือระหว่างเจ้าถิ่นแต่ละพวกกัน ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันจนต้องตั้งเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย